
ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย มีขนาดเท่าผลลิ้นจี่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น หน้าที่สำคัญคือ ผลิตของเหลวเป็นตัวหล่อลื่นและนำส่งเชื้ออสุจิในขณะที่มีการหลั่งของน้ำอสุจิออกมา โดยทั่วไปต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญเติบโตหลังจากอายุ 20 ปี จนกระทั่งอายุประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่อมลูกหมากโต (BPH - Benign Prostatic Hyperplasia)
โรคต่อมลูกหมากโต มักมีความสัมพันธ์กับอายุและเป็นปัญหาสุขภาพที่ผู้ชายไม่ควรมองข้าม โดยทั่วไปผู้ป่วยจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะค่อยๆ โตขึ้น ทั้งนี้ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะมีอาการ บางคนมีอาการน้อยมาก บางคนอาจมีอาการหนักถึงขั้นปัสสาวะไม่ออก โดยชายสูงอายุ 2 ใน 5 คนจะมีอาการถ่ายปัสสาวะผิดปกติ อันเกิดจากต่อมลูกหมากที่อยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดโตขึ้น และไปกดเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง แต่อาการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ
อาการสำคัญที่พบบ่อยของโรคต่อมลูกหมากโต
1. ถ่ายปัสสาวะบ่อยตอนกลางดึก หลังจากที่หลับไปแล้วมากกว่า 1 - 2 ครั้ง
2. ปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหล ๆ หยุดๆ
3. เกิดความรู้สึกว่าการขับถ่ายปัสสาวะเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
4. ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ จะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ
5. ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถปัสสาวะออกมาได้
6. ปัสสาวะไม่สุด และรู้สึกเหลือค้าง
7. ปัสสาวะบ่อย ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นเมื่อละเลยการรักษาที่ถูกต้อง
1. ปัสสาวะไม่ออกทันที หรือค่อยเป็นค่อยไป
2. ปัสสาวะเป็นเลือดเนื่องจากต่อมลูกหมากบวม
3. กระเพาะปัสสาวะครากหรือมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
4. การทำงานของไตเสื่อมลง และไตวายได้
อย่างไรก็ตามอาการของความผิดปกติทั้งในต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากนั้นมีความคล้ายกัน และอาจเป็นไปได้ว่าภาวะต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากจะเกิดขึ้นในขณะเดียวกันได้ ซึ่งโรคต่อมลูกหมากโตนี้สามารถรักษาได้
สำหรับแนวทางในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ไม่ได้ดูจากขนาดของต่อมลูกหมากที่โต แต่ดูจากอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก โดยแนะนำแนวทางดังนี้
1. การใช้เทคโนโลยีใหม่ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต คือ การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) ซึ่งมีผลงานวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา
ของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 ซึ่งวิธีนี้เหมาะสมสำหรับ ผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาและไม่ได้รับผลที่น่าพึงพอใจ ผู้ป่วยที่ไม่ต้องการผ่าตัด (Medical Focus, 2565, หน้า 5-7) หรือผู้ป่วยที่ไม่ต้องการรับประทายา เนื่องจากมีผลการศึกษาแบบ population based study โดยนายแพทย์ Robert Siemens และคณะ แห่ง Queen's University ในแคว้น Ontario ของแคนาดา ที่ได้รับการตีพิมพ์ ในวารสาร Journal of Urology ซึ่งเป็นวารสารทางการของ American Urological Association (AUA) ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2021 พบว่า ยาบางกลุ่มที่นิยมใช้ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต อาจมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Medical Focus, 2565, หน้า 9)
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยการปรับเปลี่ยนปริมาณน้ำดื่มและช่วงเวลาที่ดื่มน้ำ เช่น หากมีอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ควรงดดื่มน้ำก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
3. การรับประทานสารสกัดธรรมชาติจาก “แครนเบอรี่”
มีงานวิจัยศึกษาพบว่า แครนเบอรี่ ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีชื่อ โปรแอนโธไซยานิดิน (proanthocyanidin หรือที่เรียกว่า “PACs”) สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างกรดฮิปพูริก (Hippuric acid) ซี่งมีฤทธิ์เหมือนยาปฏิชีวนะในทางเดินปัสสาวะ ที่ช่วยยับยั้งหรือกำจัดแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ โดยขัดขวางเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคไม่ให้เกาะติดเซลล์ชั้นในของทางเดินปัสสาวะ จึงสามารถป้องกันและรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Colletti, Sangiorgio, Martelli, Testai, Arrigo, & Cravotto, 2021, pp. 1-22; Coleman, & Ferreira, 2020, pp. 42-44; เมวิตา วงศ์วิเชียรชัย, 2548, หน้า 62-63)
ดังนั้นชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี หมั่นสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะของตนเอง และเมื่อมีอาการปัสสาวะผิดปกติให้รีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและรักษาได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด
ที่มา
Coleman, C. M., Ferreira, D. (2020). Oligosaccharides and Complex Carbohydrates: A New
Paradigm for Cranberry Bioactivity. Molecules,25(4), 881;
https://doi.org/10.3390/molecules25040881.
Colletti, A., Sangiorgio, L., Martelli, A., Testai, L. Arrigo, F.G., & Cravotto. (2021). Highly Active
Cranberry’s Polyphenolic Fraction: New Advances in Processing and Clinical Applications.
Nutrients, 13(8), 2546; https://doi.org/10.3390/nu13082546.
เมวิตา วงศ์วิเชียรชัย. (2548). คู่มือฉลาดใช้ วิตามิน แร่ธาตุ และสมุนไพร. กรุงเทพฯ: รีดเดอร์ส ไดเจสท์
ประเทศไทย.
สยุมพร เกตุวิทย์ และดวงหทัย เลิศคำ. (มกราคม: 2565). เทคโนโลยีใหม่ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากด้วย
ไอน้ำ. นิตยสาร Medical Focus. 14(149), 5-7.