
ผู้ที่มีอายุ 50+ หรือคนวัยทำงานตอนปลายใกล้เกษียณอายุ เป็นช่วงอายุที่ร่างกายเริ่มมีความถดถอย
กำลังวังชาน้อยลง สมรรถภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ เสื่อมลงและมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)
มากขึ้น เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทอง
ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างยิ่ง
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย เช่น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง วัยทอง นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ผิวแห้งกร้าน สายตายาว ยิ่งอายุมากขึ้น ร่างกายก็จะดูดซึมวิตามินได้น้อยลงและหากขาดวิตามินและแร่ธาตุก็ยิ่งเร่งความเสื่อม ดังนั้นจำเป็นต้องป้องกันการขาดวิตามิน จะช่วยชะลอความเสื่อมตามวัยเท่าที่เป็นไปได้
สำหรับวิตามินและแร่ธาตุที่คนวัย 50+ มีความต้องการมากจึงเกี่ยวข้องกับอวัยวะสำคัญที่ใช้ในการทำงาน ได้แก่ ระบบประสาทและสมอง ระบบกระดูก ข้อต่อและฟัน
1. วิตามินบี 1 / Vitamin B1
Thiamine-ไธอะมีน ช่วยให้เซลล์ประสาททำงานได้ตามปกติ ช่วยเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยเร่งการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน หากร่างกายการขาดจะทำให้เป็นโรคเหน็บชา อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
2. วิตามินบี 2 / Vitamin B2
Riboflavin-ไรโบฟลาวิน ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างผม ผิวหนัง เล็บ เมีดเลือดแดง
3. วิตามินบี 3 / Vitamin B3
Niacin-ไนอะซิน ช่วยในการเผาผลาญพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต-ไขมัน คอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยในการไหลเวียนเลือด
4. วิตามินบี 5 / Vitamin B5
Pantothenic Acid-แพนโทเธนิคแอซิด ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต-ไขมัน ต่อต้านการแพ้บำรุงผิวและเส้นผม ต่อต้านความเครียด
5. วิตามินบี 6 / Vitamin B6
Pyridoxine-ไพริดอกชีน ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค เร่งการเจริญเติบโต ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ตามปกติ
6. วิตามินบี 7 / Vitamin B7
Biotin-ไบโอติน ช่วยในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต-โปรตีน-ไขมัน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
7. วิตามินบี 9 / Vitamin B9
Folic Acid-โฟลิกแอชิด ช่วยในการพัฒนาระบบประสาท ควบคุมการสร้างสารพันธุกรรม ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
8. วิตามินบี 12 / Vitamin B12
Cobalamin-โคบาลามิน ช่วยในการเผาผลาญพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต-โปรตีน-ไขมันช่วยในการสร้างเม็ดแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
9. วิตามินอี / Vitamin E
D-Alpha-Tocopheryl Acetate วิตามินอีมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ หรือโมเลกุลที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ และโรคหัวใจ
10. วิตามินเอ อะซิเตท / Vitamin A Acetate
ช่วยในการมองเห็น ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของเม็ดเลือดขาว ส่งเสริมการทำงานของสุขภาพกระดูก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง เช่น โรคมะเร็ง โรคจอประสาทตาเสื่อมและอื่นๆ
11. วิตามินซี / Vitamin C
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านการอักเสบจากสารอนุมูลอิสระ (Free radicals) ถ้าร่างกายได้รับวิตามินซีในปริมาณที่มากพอจะเกิดการกระตุ้นให้สร้างวิตามินอีภายในเซลล์ ดังนั้นถ้าเราขาดวิตามินซีก็จะทำให้ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระบกพร่องทั้งภายในและภายนอกเซลล์ รวมทั้งช่วยเสริมความแข็งแรงให้เส้นเลือดหยืดหยุ่น ไม่เปราะแตกง่าย
12. วิตามินดี / Vitamin D
ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยเซลล์เม็ดเลือดขาว T Cell และ B Cell จะเป็นตัวรับ Receptor) ที่จับกับวิตามินดี และทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เซลล์มะเร็ง ช่วยดูแลร่างกายในหลายอวัยวะตั้งแต่สมอง อารมณ์ หัวใจ หลอดเลือด กระดูก กล้ามเนื้อ ตับอ่อน รังไข่ เต้านม ต่อมลูกหมาก และอื่น ๆ กระตุ้นการหลั่งสารสารเคมีในสมอง “ซีโรโตนิน” ซึ่งช่วยลดความเครียด ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้าและช่วยเรื่องการนอนหลับ ควบคุมภาวะสมดุลของแร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสซึ่งมีผลต่อการสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยให้ระดับแคลเซียมในเลือดเป็นปกติ และลดความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน
ข้อมูล : นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ หนังสือ พิชิตโรคร้ายโดยไม่ใช้ยา เล่ม 2